9/13/2556

วัดเชียงทอง : หลวงพระบาง



เที่ยวลาวในครั้งนี้  เราขอนำเพื่อนๆนักเที่ยวไปชมมรดกทางวัฒนธรรมของคนลาวกันครับ  กับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองหลวงพระบางแห่งนี้

วัดเชียงทอง  ชื่อนี้นักเที่ยวอย่างเราๆท่านๆน่าจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว  เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวลาวที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดเมื่อมาเหยียบที่หลวงพระบาง  เมืองมรดกโลก 


ที่นี่  ถือว่าเป็นฮไลท์ของการมาเยือนเมืองหลวงพระบาง ที่ยังไงๆก็หนีไม่พ้นการได้มาเที่ยวชม "วัดเชียงทอง"  แห่งนี้ครับ  วัดเชียงทองเป็นวัดที่มีความเก่าแก่สวยงามจนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาวเลยก็ว่าได้ครับ


วัดเชียงทองนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในระหว่าง พ.ศ. 2102-2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรล้านช้าง และล้านนานั่นเองครับ สร้างขึ้นก่อนที่พระองค์จะย้ายเมืองหลวงมายังนครหลวงเวียงจันทน์ไม่นานนัก วัดนี้ถือว่าเป็น “ วัดประตูเมือง” และก็ยังเป็นท่าเทียบเรือด้านเหนือ สำหรับการเสด็จประพาสทางชลมารค ของกษัตริย์หลวงพระบางนั่นเองครับ วัดเชียงทองจึงได้รับการอุปถัมภ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะ ในสมัยเจ้ามหาชีวิต ศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของลาวด้วย




สิ่งที่โดดเด่นและสะดุดตาเมื่อเข้ามาในเขตพุทธาวาส ก็คือลวดลายประดับตามฝาผนังพระอุโบสถต่างๆ ไกด์ที่นี่บอกว่าใช้กระจกสีที่นำเข้าจากญี่ปุ่น แล้วตัดให้เป็นชิ้นเล็กๆ ประดับให้เป็นลวดลาย บอกกล่าวเล่าเรื่องทางพุทธศาสนา และวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบาง เดินชมพระอุโบสถหรือที่ภาษาลาวเรียกว่า“สิม” แม้ขนาดจะดูไม่ใหญ่โตแต่ก็แสดงถึงสถาปัตยกรรมทางศาสนาแบบหลวงพระบางแท้ๆ  สิมวัดเชียงทอง นับเป็นสิมล้านช้างที่สมบูรณ์ที่สุด และมีความงามให้ชมกันทั่วทั้งหลัง ซึ่งหากมองไล่ไปจากด้านบนสุดก็จะเห็นเครื่องยอดที่คนลาวเรียกว่า “ช่อฟ้า” ลวดลายปราณีตสีทองอร่ามตาโดดเด่นอยู่กลางสันหลัง


รูปทรงของสิมที่อ่อนช้อยโค้งงามนี้นั้น มีหลังคาซ้อน 3 ชั้นลดหลั่นคลุมต่ำ ถือเป็นแบบฉบับของสิมแบบล้านช้าง ซึ่งไกด์ชาวลาว บอกว่า “คนลาวเปรียบสิมหลังคาโค้งต่ำอย่างสิมวัดเชียงทอง หรือวัดอีกหลายวัดในหลวงพระบางเป็นสิมสุภาพสตรี ส่วนสิมทรงสูงอย่างวัดทางเวียงจันทน์หรือวัดในเมืองไทยเป็นสิมสุภาพบุรษ” นั่นเองครับ



สำหรับเสน่ห์ภาพชวนมองอีกอย่างหนึ่งก็คือ ลายประดับ “ดอกดวง” หรือกระจกสีรูป “ต้นทอง” ท่ามกลางสัตว์หลายชนิดที่แวดล้อมอยู่ ซึ่งหลวงพระบางในอดีตคือเมืองเชียงทองที่เต็มไปด้วยต้นทองอยู่เป็นจำนวนมาก ลายประดับดอกดวงนิทานพื้นบ้านและวิถีชีวิตชาวหลวงพระบางที่หอพระ 2 หลังข้างหลังสิมได้พูดถึงลายดอกดวงนี่ ไม่ใช่มีให้ชมแค่ที่หลังสิมเท่านั้นนะครับ ที่หอพระม่านและหอพระไสยาสน์ข้างหลังสิมก็มีลวดลายดอกดวงอันสวยงามบนผนังสีชมพู โดยลวดลายดวงดอกที่หอพระทั้งสองเป็นภาพคติสอนใจจากนิทานพื้นบ้านชื่อดังของลาวเรื่อง “สีเสลียว เสียวสวาด” และภาพวิถีชีวิตชาวหลวงพระบาง


ส่วนในหอพระม่านจะมี “พระม่าน” หนึ่งในพระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางประดิษฐานอยู่ ในวันปกติหอพระม่านจะปิดใส่กุญแจไว้ตลอด ครั้นพอถึงช่วงสงกรานต์ก็จะมีการอัญเชิญพระม่านลงมาให้คนทั่วไปได้กราบไหว้และสรงน้ำพระกัน ต่างจากหอพระไสยาสน์ที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมภายในได้ครับ 


สำหรับสิ่งน่าสนใจที่วัดเชียงทองยังไม่หมดเพียงแค่นี้นะครับ เพราะจากด้านหน้าของสิมหากมองไปทางขวามือ ก็จะเห็นโรงราชรถหรือโรงเมี้ยนโกศ ที่เป็นโรงเก็บราชรถที่เคยใช้ในการอัญเชิญพระโกศของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2504


โรงเมี้ยนโกศหลังนี้ มีสิ่งที่ชวนชมทั้งภายนอกและภายในเลยก็ว่าได้ครับ โดยภายนอกจะงดงามวิจิตรไปด้วยลวดลายแกะสลักไม้สีเหลืองอร่ามเรืองรอง ฝีมือของ “เพียตัน” (พระยาตัน) หนึ่งในสุดยอดช่างของลาว  จากภายนอกเมื่อเข้าสู่ภายในโรงเมี้ยนโกศนั้นก็จะเห็นราชรถแกะสลักไม้สีทองเหลืองอร่ามทั้งคัน  มีเศียรของพญานาค 5 เศียรยื่นออกมาจากด้านหน้าราชรถอย่างอ่อนช้อยสวยงามแฝงด้วยความขรึมขลังนั่นเองครับ


แม้ว่าวัดเชียงทองจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญของหลวงพระบาง ที่ในแต่ละวันมีคนไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก แต่ว่าวัดเชียงทองก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยวิถีแห่งพุทธศาสนา


สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวที่วัดเชียงทองแห่งนี้นั้น 

ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 06.00 a.m. – 05.30 p.m.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม:  20.000 Kip/คน ครับ


ขอบคุณความรู้ที่เป็นประโยชน์จาก louangprabang.net และ atcloud.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น