วัดเชียงทอง : หลวงพระบาง
เที่ยวลาวในครั้งนี้ เราขอนำเพื่อนๆนักเที่ยวไปชมมรดกทางวัฒนธรรมของคนลาวกันครับ กับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองหลวงพระบางแห่งนี้
วัดเชียงทอง ชื่อนี้นักเที่ยวอย่างเราๆท่านๆน่าจะเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างแล้ว เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวลาวที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดเมื่อมาเหยียบที่หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก
ที่นี่ ถือว่าเป็นฮไลท์ของการมาเยือนเมืองหลวงพระบาง ที่ยังไงๆก็หนีไม่พ้นการได้มาเที่ยวชม "วัดเชียงทอง" แห่งนี้ครับ วัดเชียงทองเป็นวัดที่มีความเก่าแก่สวยงามจนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่าเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาวเลยก็ว่าได้ครับ
วัดเชียงทองนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในระหว่าง พ.ศ. 2102-2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ครองอาณาจักรล้านช้าง และล้านนานั่นเองครับ สร้างขึ้นก่อนที่พระองค์จะย้ายเมืองหลวงมายังนครหลวงเวียงจันทน์ไม่นานนัก วัดนี้ถือว่าเป็น “ วัดประตูเมือง” และก็ยังเป็นท่าเทียบเรือด้านเหนือ สำหรับการเสด็จประพาสทางชลมารค ของกษัตริย์หลวงพระบางนั่นเองครับ วัดเชียงทองจึงได้รับการอุปถัมภ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะ ในสมัยเจ้ามหาชีวิต ศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของลาวด้วย
สิ่งที่โดดเด่นและสะดุดตาเมื่อเข้ามาในเขตพุทธาวาส ก็คือลวดลายประดับตามฝาผนังพระอุโบสถต่างๆ ไกด์ที่นี่บอกว่าใช้กระจกสีที่นำเข้าจากญี่ปุ่น แล้วตัดให้เป็นชิ้นเล็กๆ ประดับให้เป็นลวดลาย บอกกล่าวเล่าเรื่องทางพุทธศาสนา และวิถีชีวิตของชาวหลวงพระบาง เดินชมพระอุโบสถหรือที่ภาษาลาวเรียกว่า“สิม” แม้ขนาดจะดูไม่ใหญ่โตแต่ก็แสดงถึงสถาปัตยกรรมทางศาสนาแบบหลวงพระบางแท้ๆ สิมวัดเชียงทอง นับเป็นสิมล้านช้างที่สมบูรณ์ที่สุด และมีความงามให้ชมกันทั่วทั้งหลัง ซึ่งหากมองไล่ไปจากด้านบนสุดก็จะเห็นเครื่องยอดที่คนลาวเรียกว่า “ช่อฟ้า” ลวดลายปราณีตสีทองอร่ามตาโดดเด่นอยู่กลางสันหลัง
รูปทรงของสิมที่อ่อนช้อยโค้งงามนี้นั้น มีหลังคาซ้อน 3 ชั้นลดหลั่นคลุมต่ำ ถือเป็นแบบฉบับของสิมแบบล้านช้าง ซึ่งไกด์ชาวลาว บอกว่า “คนลาวเปรียบสิมหลังคาโค้งต่ำอย่างสิมวัดเชียงทอง หรือวัดอีกหลายวัดในหลวงพระบางเป็นสิมสุภาพสตรี ส่วนสิมทรงสูงอย่างวัดทางเวียงจันทน์หรือวัดในเมืองไทยเป็นสิมสุภาพบุรษ” นั่นเองครับ
สำหรับเสน่ห์ภาพชวนมองอีกอย่างหนึ่งก็คือ ลายประดับ “ดอกดวง” หรือกระจกสีรูป “ต้นทอง” ท่ามกลางสัตว์หลายชนิดที่แวดล้อมอยู่ ซึ่งหลวงพระบางในอดีตคือเมืองเชียงทองที่เต็มไปด้วยต้นทองอยู่เป็นจำนวนมาก ลายประดับดอกดวงนิทานพื้นบ้านและวิถีชีวิตชาวหลวงพระบางที่หอพระ 2 หลังข้างหลังสิมได้พูดถึงลายดอกดวงนี่ ไม่ใช่มีให้ชมแค่ที่หลังสิมเท่านั้นนะครับ ที่หอพระม่านและหอพระไสยาสน์ข้างหลังสิมก็มีลวดลายดอกดวงอันสวยงามบนผนังสีชมพู โดยลวดลายดวงดอกที่หอพระทั้งสองเป็นภาพคติสอนใจจากนิทานพื้นบ้านชื่อดังของลาวเรื่อง “สีเสลียว เสียวสวาด” และภาพวิถีชีวิตชาวหลวงพระบาง
ส่วนในหอพระม่านจะมี “พระม่าน” หนึ่งในพระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางประดิษฐานอยู่ ในวันปกติหอพระม่านจะปิดใส่กุญแจไว้ตลอด ครั้นพอถึงช่วงสงกรานต์ก็จะมีการอัญเชิญพระม่านลงมาให้คนทั่วไปได้กราบไหว้และสรงน้ำพระกัน ต่างจากหอพระไสยาสน์ที่เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมภายในได้ครับ
สำหรับสิ่งน่าสนใจที่วัดเชียงทองยังไม่หมดเพียงแค่นี้นะครับ เพราะจากด้านหน้าของสิมหากมองไปทางขวามือ ก็จะเห็นโรงราชรถหรือโรงเมี้ยนโกศ ที่เป็นโรงเก็บราชรถที่เคยใช้ในการอัญเชิญพระโกศของพระเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ซึ่งสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2504
โรงเมี้ยนโกศหลังนี้ มีสิ่งที่ชวนชมทั้งภายนอกและภายในเลยก็ว่าได้ครับ โดยภายนอกจะงดงามวิจิตรไปด้วยลวดลายแกะสลักไม้สีเหลืองอร่ามเรืองรอง ฝีมือของ “เพียตัน” (พระยาตัน) หนึ่งในสุดยอดช่างของลาว จากภายนอกเมื่อเข้าสู่ภายในโรงเมี้ยนโกศนั้นก็จะเห็นราชรถแกะสลักไม้สีทองเหลืองอร่ามทั้งคัน มีเศียรของพญานาค 5 เศียรยื่นออกมาจากด้านหน้าราชรถอย่างอ่อนช้อยสวยงามแฝงด้วยความขรึมขลังนั่นเองครับ
แม้ว่าวัดเชียงทองจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสำคัญของหลวงพระบาง ที่ในแต่ละวันมีคนไปเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก แต่ว่าวัดเชียงทองก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยวิถีแห่งพุทธศาสนา
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวที่วัดเชียงทองแห่งนี้นั้น
ที่นี่จะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 06.00 a.m. – 05.30 p.m.
ค่าธรรมเนียมเข้าชม: 20.000 Kip/คน ครับ
ขอบคุณความรู้ที่เป็นประโยชน์จาก louangprabang.net และ atcloud.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น