เที่ยวตลาดเช้า เมืองบ่อแก้ว



สำหรับเพื่อนๆที่เดินทางมาเที่ยวลาว  วันนี้เราก็มีอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว  หรือจะเรียกว่าเป็นแหล่งช้อปของป่าก็ว่าได้  เป็นอีกหนึ่งที่ที่อยากแนะนำกันในวันนี้ครับ ก่อนจะไปเที่ยวลาว ได้ความรู้เรื่องสถานที่เที่ยวไว้ก็จะไม่หลงทางครับ แถมยังไม่เสียอารมณ์ในการเที่ยวอีกต่างหาก

อีกสถานที่ท่องเที่ยวในลาว  ที่เราจะแนะนำกันในวันนี้นั้น  เราขึ้นเหนือเพื่อไปช้อปของแปลกล้วนๆครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังสำหรับคนชอบของแปลกอย่างแน่นอนครับ

จุดหมายปลายทางของเรานั้นอยู่ที่ ตลาดเมืองบ่อแก้ว  นั่นเองครับ

แต่เอ๊ะ..แล้วมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ ...?

ได้ยินชื่อที่นี่มานานแล้ว วันนี้เราจะไปดูกันว่าที่นี่  จะเหมือนที่ใครๆว่ากันหรือเปล่า
ตลาดเมืองบ่อแก้ว ห้วยซาย  เป็นตลาดเช้าครับ ต้องไปตอนเช้าเท่านั้นนะครับ อยู่ทางใต้ของเมือง เป็นจุดตั้งต้นถนนสายหลักคือ ถนนเลียบชายฝั่งโขง สองฟากมีร้านรวงตั้งเรียงราย ทั้งร้านอาหาร  ร้านขายสินค้าทั่วไปและร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ นั่นเองครับ  บริเวณนอกชานเมืองมีหมู่บ้านชาวเขาที่เปิดรับนักท่องเที่ยวอยู่โดยรอบ เช่น บ้านน้ำซาง หมู่บ้านของชาวลาวห้วยครับ


การเดินทางไปตลาดเช้าก็นั่งรถสองแถวตุ๊กๆไปไม่กี่สิบพันสบายๆครับ ราคาตายตัวไม่มีโก่งราคากัน ของที่ขายในตลาดจะเน้นเป็นผัก ไก่ หมู เป็นหลัก สำหรับไก่นั้นขายกันเป็นตัวๆ สดๆ ชั่งกิโลขายกันเลย น่าแวะไปเดินนะครับสำหรับท่านที่ชอบของสดๆ และแปลกๆ

เดินทางขึ้นเหนือเที่ยวที่แขวงบ่อแก้ว แขวงบ่อแก้วเป็นแขวงเล็กๆ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายครับ เช่น วัดจอมแก้วมณีรัตน์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมือง (จุดหมายในการเดินทางครั้งต่อไปครับ) ภายในบริเวณวัดมีพระอุโบสถขนาดกลางสร้างด้วยไม้สัก ศิลปะแบบไทยใหญ่ ฝาผนังโดยรอบของพระอุโบสถมีภาพเขียนสีน้ำมันลักษณะเป็นศิลปกรรมแบบลาวมี สีสันที่สวยงาม ที่หอระฆังมีระฆังและกลองขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของหอระฆังสามารถมอง เห็นวิวทิวทัศน์ของฝั่งไทยและท่าเรือบั๊คได้อย่างชัดเจน 


นอกจากท่านที่เดินทางไปลาวท่านจะได้ชมวัดจอมแก้วมณีรัตน์แล้วยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมาก เช่น วัดพระธาตุตากผ้าทอง ชาวลาวเล่าว่าทุกๆวันขึ้น 15 ค่ำ จะมีแสงสีต่างๆพวยพุ่งขึ้นมาจากองค์พระธาตุ เรียกว่ามหัศจรรย์มากเลยครับสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากฝั่งไทย และอนุสรณ์สถานของท่านไกรสร พรหมวิหาร เป็นที่เคารพรักของประชาชนชาวลาวเป็นอย่างมาก  เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวที่น่าแวะไปอีกหนึ่งที่ครับ เที่ยวลาว ประเทศเพื่อนบ้านทั้งทีจัดไปให้คุ้มครับ


0 ความคิดเห็น:

น้ำตกผาส้วม : ปากเซ



หลังจากที่เราได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกของลาวไปแล้วหลายแห่ง ขอเปลี่ยนบรรยากาศการท่องเที่ยวมาเป็นเที่ยวแบบพักผ่อนกันหน่อย เอาเป็นว่าเบาๆก็แล้วกันครับ ปลายทางท่องเที่ยวลาวในครั้งนี้ อยู่ที่ลาวใต้ เมือง ปากเซ นั่นเองครับ “ปากเซ” ชื่อนี้คงกลายเป็นชื่อติดหูของใครหลายคนที่ได้เดินทางมาเยือนไปแล้ว พร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อไม่น่าเที่ยวเท่าไหร่ “น้ำตกผาส้วม” แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของลาว ที่มีความโด่งดังไม่แพ้ที่อื่น ด้วยชื่อแปลกนี่เอง

น้ำตกผาส้วมเป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของแขวงจำปาสัก เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากที่สูง โดยตัวน้ำตกมีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม

ส่วนเรื่องชื่อของน้ำตกนั้น ชื่อนี้มีความหมายครับ คำว่า “ส้วม” ของลาว หมายถึง ห้องนอนของเจ้าบ่าว-เจ้าสาว หรือห้องหอนั่นเองครับ ซึ่งตรงข้ามกับคำว่า ส้วมของไทยเราที่ทำให้หลายๆคนนั้นเข้าใจผิดไปไม่น้อย

น้ำตกแห่งนี้ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี และมีธรรมชาติป่าไม้ให้ร่มเงา นำมาซึ่งความชุมชื้นและร่มเย็น ให้กับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสไอน้ำอันเย็นฉ่ำ พร้อมชมความงามของน้ำตก ท่ามกลางแท่งหินยักษ์ เหมือนกับถูกนำมาเรียงร้อยตกแต่งไว้ เป็นห้องนอนสวยงามยิ่งใหญ่อลังการ

หลังจากที่เดินข้ามสะพานแขวนไม้ไผ่สานแห่งนี้ ก็มองเห็นภาพสวยงามของน้ำตก เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากที่สูง โดยตัวน้ำตกมีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกล



เห็นชื่อส้วมๆอย่างนี้  ที่นี่เขาก็มีประวัติที่ไม่ส้วมนะครับ แถมน้ำตกแห่งนี้ก็ยังเป็นฝีมือการออกแบบของคนไทยอีกซะด้วย น้ำตกผาส้วมถูกสร้างขึ้นมาโดย คุณวิมล กิจบำรุง  ใช้เวลาสำรวจที่ดินผืนนี้นาน 2 ปี และเริ่มดำเนินการก่อสร้างด้วยเครื่องทุ่นแรงที่หาได้ในสมัยนั้น คือมีเพียงช้าง 1 เชือก และแรงงานคนท้องถิ่น 80 ชีวิต

กว่าโครงการน้ำตกตาดผาส้วมจะสวยงามได้อย่างที่นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนที่ได้มีโอกาสเดินทางมา เอ่ยปากชมกัน คุณวิมลใช้เวลาก่อสร้างสถานที่แห่งนี้นานถึง 5 ปี อาศัยซากไม้ที่ล้มตายไหลมาตามลำห้วยเพื่อสร้างร้านอาหาร มีการขนก้อนหินจำนวนมากมาจัดเรียงให้เป็นกำแพงกั้นดินที่ต่างระดับ ที่สำคัญ คุณวิมลได้ปลูกไม้กฤษณา ซึ่งเป็นไม้มีค่าหายากที่สูญพันธุ์แล้วในวันนั้น และไม้อื่นๆ กว่า 25,000 ต้น น้ำตกสายเล็กๆ ที่คุณวิมลตกแต่งเติมก้อนหิน เพื่อให้น้ำตกกระทบอย่างงดงาม และแผ่กว้างขึ้นหลายจุดจนเป็นน้ำตกขึ้นชื่อของเมืองจำปาสัก 



แม้ว่าความงดงามที่เกิดขึ้นบนพื้นที่น้ำตกตาดผาส้วมแห่งนี้  คุณวิมล จะได้มีโอกาสชื่นชมกับน้ำพักน้ำแรงของตนเองได้เพียง 2 วัน ทราบว่าในขณะก่อสร้าง ท่านประสบกับไข้มาลาเรียขึ้นสมองด้วย เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ชุกชุมไปด้วยยุง จนทำให้สลบไปถึง 8 วัน พอฟื้นขึ้นมาท่านก็เป็นอัมพาตและดวงตาของท่านไม่สามารถใช้การได้ แต่ในภายหลังก็ได้รับการรักษาจนหายจากอาการอัมพาต และสามารถมองเห็นภาพในลักษณะขาวดำ

ปัจจุบันน้ำตกตาดผาส้วมมีบริการต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวมากมาย ทั้งบ้านพักหลากหลายรูปแบบ ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ชนเผ่า 8 เผ่า เช่น กะเหรี่ยง ส่วย ลาวลุ่ม เป็นต้น

ไม่เพียงแต่น้ำตกผาส้วมเท่านั้น  ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ ระหว่างทางเข้าน้ำตก เป็นสถานที่ที่มีการรวบรวมหมู่บ้านโบราณหลายชนเผ่าที่ยังมีเอกลักษณ์เหลืออยู่ เรียกว่า อุทยานบาเจียง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวลาวที่น่าเที่ยวอีกแห่งครับ





0 ความคิดเห็น:

ปราสาทวัดพู มรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาว



เที่ยวลาวในวันนี้  เราพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่หาดูได้ยากอีกหนึ่งแห่งของลาวครับ หรือจะบอกว่าเป็นมรดกโลกอีกแห่งของลาวใต้เลยก็ว่าได้ครับ จุดหมายปลายทางของการเดินทางในครั้งนี้อยู่ที่ “ปราสาทวัดพู” เมืองจำปาสักครับ

ปราสาทวัดพู ถือเป็นโบราณสถานในประเทศลาว ซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาว ตั้งอยู่บนเนินเขาภู หรือเรียกกันว่าภูควาย ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาสักประมาณ 6 กิโลเมตร  ซึ่งได้รับการรับรอง และขึ้นทะเบียนจากองค์การ UNESCO ว่าเป็นสถานที่เมืองมรดกโลก

ในอดีตที่ตั้งของวัดพู นั้นเคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแห่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกันนั่นเองครับ คือ อาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6 – 8 ค้นพบจารึกกล่าวถึงการฆ่าคนเพื่อบูชาแด่เทพเจ้า ต่อมาเป็นยุคของอาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร ที่เลือกบริเวณนี้เป็นที่สร้างปราสาทหินในราวศตวรรษที่ 9 และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดูให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเถรวาทนั่นเองครับ

เมื่อย่างเท้าเข้าสู่บริเวณของปราสาท สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาแก่ผู้พบเห็นก็คือภูเขาด้านหลังปราสาทที่ตั้งเด่นตระหง่านมองเห็นแต่ไกล  รูปร่างคล้ายนมของผู้หญิงและคนเกล้ามวยผม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภูผาแห่งนี้ว่าเขานมสาว นั่นเองครับ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกภูเกล้ามากกว่า

อาณาเขตของปราสาทวัดภู เริ่มต้นจากริมฝั่งแม่น้ำโดยมีบันไดทางขึ้นรถหลั่นกันขึ้นมา 3 ชั้น จนถึงองค์ประธานของปราสาทซึ่งอยู่ชั้นบนสุด นอกเขตวัดมีบารายขนาดใหญ่ ซึ่งในสมัยโบราณใช้เป็นที่แข่งเรือและที่สรงน้ำสำหรับพิธีกรรมต่างๆนั่นเอง



ลักษณะของปราสาทเป็นเทวสถานขอม คล้ายกับเขาพระวิหาร สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 12 ในสมัยของพระเจ้ามเหนทรวรมัน ถือว่าเป็นปราสาทหินที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งครับ

ส่วนไฮไลท์ของการท่องเที่ยวปราสาทวัดพูแห่งนี้อยูที่  งานประเพณีประจำปีที่เรียกว่า "งานประจำปีวัดภู"  นั่นเองครับสำหรับงานบุญประเพณีของวัดพูเป็นเทศกาลที่โด่งดัง และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั้งจากในและต่างประเทศ โดยจะอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งจะจัดติดต่อกัน 3 วัน โดยประชาชนชาวลาวจากทั่วทุกแขวงจะเดินทางนำสิ่งของมาบวงสรวงบูชาตามจุดต่างๆ ในบริเวณองค์ประธาน สำหรับในวันสุดท้ายจะมีพระสงฆ์ออกมาบิณฑบาต พอตกค่ำจะมีพิธีเวียนเทียนไปรอบๆปรางค์ประธานนั่นเองครับ ถือว่าเป็นอีหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวด้านมรดกทางวัฒนธรรมที่หาดูได้ยากอีกแห่งครับ




ขอบคุณข้อมูลการท่องเที่ยวจาก hotsia.com ครับ 

0 ความคิดเห็น:

ข้ามโขงนมัสการพระธาตุอิงฮัง พระธาตุคู่แฝดของพระธาตุพนม


ลาว เป็นประเทศที่เติมไปด้วยวัฒนธรรมทางศาสนาจริงๆครับ รวมถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาก็มีแยะเช่นเดียวกัน ก็ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาถึงบ้านเรา ก็ทำให้นักแสวงบุญที่เดินทางไปนมัสการก็เยอะมากขึ้นทุกปีเหมือนกันครับ 
ก็แน่นอนครับ  ถ้าพูดถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนเดินทางมาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  เพื่อมานมัสการ ขอพร และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวลาวยอดฮิตของนักแสวงบุญชาวไทย เที่ยวลาววันนี้เราจึงขอแนะนำอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นักเที่ยวไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดครับ


เที่ยวลาววันนี้เราขอแนะนำ “พระธาตุอิงฮัง” ครับ ถ้าพูดถึงพระธาตุแห่งนี้  หลายคนน่าจะรู้จักกันดีและไม่แน่ว่าอาจจะเดินทางไปเยือนกันมาแล้วก็ได้  วันนี้เราจะนำเสนอความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่ ที่เป็นที่กล่าวขานกันจนนักแสวงบุญคนไทยต้องเดินทางมาครับ
ด้วยระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร เดินทางจากตัวเมืองสะหวันนะเขตไปทางทิศเหนือ เป็นที่ตั้งของพระธาตุอิงฮังพระธาตุเก่าแก่ที่คนลาวนับถือกันมาก ด้านบนพระธาตุเป็นทองคำแท้ๆ หนักเกือบครึ่งกิโลกรัม และยังเป็นที่เล่าลือกันว่าพระธาตุอิงฮังแห่งนี้เป็นพระธาตุคู่แฝดของพระธาตุพนม ของไทยเราอีกด้ว
   
พระธาตุอิงฮัง หรือ ธาตุอิงฮัง ตามประวัติ การสร้างธาตุอิงฮัง สร้างในสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร ประมาณ พ.ศ.๔๐๐ ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม สูง ๒๕ เมตร คำว่า “อิงฮังมาจากคำว่า “พิงรังหรือพิงต้นรังนั่นเองครับ ด้วยเป็นพระธาตุคู่แฝดของพระธาตุพนมแล้วเมื่อค้นประวัติของพระธาตุพนมพบว่า มีส่วนสัมพันธ์กัน กล่าวคือ  ตามตำนานพระธาตุพนมในอุรังคนิทานกล่าวว่า “สมัยหนึ่งในปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้าพร้อมทั้งพระอานนท์ได้เสด็จมาที่ พระบาทเวินปลา ซึ่งอยู่เหนือเมืองนครพนมปัจจุบัน ได้ทรงพยากรณ์เมือง รุกขนคร(นครพนม)และได้ประทับพักแรมที่ภูกำพร้า หนึ่งคืน รุ่งขึ้นเสด็จข้ามแม่น้ำโขงไปบิณฑบาตที่เมืองศรีโคตรบูร พักอยู่ที่ร่มต้นรังต้นหนึ่ง แล้วกลับมาทำภัทกิจ(ฉันอาหาร)ที่ภูกำพร้าโดยทางอากาศ




ภูกำพร้าที่กล่าวถึงปัจจุบันก็คือที่ตั้งของพระธาตุพนม ตรงตำแหน่งที่ต้นรังที่พระพุทธเจ้าได้ทรงเสด็จพักรับบาตรที่เมืองศรีโคตรบูรนั้น ต่อมาได้มีการสร้างเป็นธาตุกู่ในสมัยพระเจ้าสุมิตราช ภายหลังได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนกระดูกสันหลังมาประดิษฐานไว้ในกู่ธาตุหรือพระธาตุอิงฮังนั้นเองครั

การมานมัสการพระธาตุนั้น คนลาวนุ่งซิ่นไปไหว้พระธาตุกัน มีบทสวดมนต์เป็นภาษาลาวสำหรับไหว้พระธาตุ  นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาก็ต้องนุ่งซิ่นด้วยเหมือนกันครับ ถึงจะเข้าไปไหว้พระธาตุได้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงครับกับเรื่องการนุ่งผ้าถุง เพราะที่นี่เขาได้จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวแล้วครับ สาวไทยที่นุ่งกางเกงเอวต่ำเอวสูงไม่มีสิทธิเข้าไปกราบนอกจากจะซื้อบัตรผ่านแล้วไปเอาผ้าถุงมาใส่ทับกางเกงเข้าไป ซึ่งเขามีบริการสุภาพสตรีครับ ค่าบัตรผ่านก็ราคา 5,200 กีบครับ คิดเป็นเงินไทยก็ 20 บาทครับ

ผู้ที่จะไปกราบพระธาตุจะต้องซื้อ เครื่องบูชา เหมือนบายศรี จะมีชาวบ้านทำมาวางขายข้างทางริมถนนก่อนถึงพระธาตุ ที่บริเวณวัดจะไม่มีเครื่องบูชานี้ขาย จะมีแต่ธูปเทียนเท่านั้นครับ

ไฮไลท์ของการมาเยือนที่นี้ ก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากการมากราบขอพรครับ และก็มีหลายท่านที่เดินทางมาเพื่อบนขอพรกับพระธาตุ  เมื่อได้สมดังตั้งใจแล้วก็จะกลับมาอีกครั้งเพื่อแก้บนครับ โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ขาย  ที่นี่ถือเป็นสถานที่ยอดฮิตไปแล้วครับ




ขอบคุณความรู้ ประวัติพระธาตุอิงฮัง จาก sripaapi.blogspot.com

2 ความคิดเห็น:

“วัดศรีเมือง” วัดแห่งโชคลาภ



สบายดี  พ่อแม่พี่น้องนักเดินทางทุกคนครับ  ต้องของบอกว่าวันนี้เราขอกล่าวสวัสดีกันด้วยภาษาของเพื่อนบ้านเรา  อย่าง  ประเทศลาวนั่นเองครับ  แต่ถ้าจะให้บรรยายกันเป็นภาษาลาวนั้น  ก็ต้องบอกว่า กลัวเพื่อนๆจะอ่านไม่ออก  แปลไม่ได้กันนั่นเองครับ  

ว่าแล้วก็พูดกันไปซะยาวเหยียด  เที่ยวลาววันนี้  ขอบอกเลยว่า  เสนอสถานที่ท่องเที่ยวลาวเพื่อเอาใจคนที่ต้องเสริมโชคลาภโดยเฉพาะครับ จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก วัด อีกนั่นแหละครับ วัฒนธรรมทางศาสนาที่ประเทศลาวนี้เราต้องบอกเลยว่ามีการเคร่งคัดเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีที่คนไทยอย่าเรานั้นต้องเอาเป็นแบบอย่างเลยก็ว่าได้ครับ  ยกตัวอย่างเรื่องเวลาคนลาวเขาเข้าวัดกันก็จะนิยมนุ่งผ้าถุงเข้าวัดกันครับ  ไม่ว่าจะเป็น วัยรุ่น หรือรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็ตาม



สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวลาวที่เราขอนำเสนอกันนั้นก็คือ “วัดศรีเมือง” นั่นเองครับ ที่นักแสวงโชคยกให้เป็นวัดแห่งโชคลาภ เป็นสถานที่ตั้งของเสาหลักเมืองประจำนครเวียงจันทน์นั่นเอง สำหรับสถานที่แห่งนี้นั้นไม่รวมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาสักการะบูชา ประชาชนลาวเองนั้นต่างก็เดินทางไปสักการบูชาเป็นจำนวนไม่น้อยเลยในแต่ละวันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่  อย่าให้เพื่อนๆฟังความเป็นมานี้กันครับ วัดศรีเมืองสร้างขึ้นในปีพ.ศ.2106 และหลังจากถูกกองทัพสยามทำลายลงในปีพ.ศ.2371 ก็ได้มีการสร้างวัดศรีเมืองขึ้นมาใหม่ในปี พ.ศ.2458  ภายในวัดศรีเมืองนั้นมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่มากมาย โดยเฉพาะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และความเก่าแก่ พระพุทธรูปองค์นี้ได้ชำรุดไปบางส่วน ซึ่งชาวลาวนั้นเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก


สำหรับเพื่อนๆที่เดินทางมาที่นี้  บริเวณประตูทางเข้าวัด นั้นจะมีเต้นส์ที่พระคุณเจ้า จัดตั้งไว้เพื่อจัดวางอุปกรณ์ สิ่งที่จะนำไปกราบไหว้พระที่อยู่ภายในพระอุโบสถของวัดสีเมืองนั้น เรียกว่า ต้นเทียน  จะมีลักษณะเป็นแผ่นขี้ผึ้งบาง ๆ ทำเป็นดอกเหมือนดอกไม้ แต่ใช่เทียนไขปั้มใส่แบบ แกะออกมาเป็นดอก ๆ จากนั้นนำใส่ด้ามไม้ นำไปประดับที่ต้นกล้วยขนาดเล็กใหญ่ต่างกันไป ที่โคนต้นใส่ลงในกระป๋อง เพื่อเป็นฐานสำหรับวางตั้งไว้นั่นเองครับ




เมื่อเราเดินเข้าไปภายในพระอุโบสถ  เพื่อนำดอกเทียนไปไหว้พระ  ต้นดอกเทียนจะต้องวางบนถาดที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้  ธูป 3 ดอก และเทียน 2 เล่ม จุดและนำไปปักที่ถาด  จากนั้นก็นำถาดที่มีต้นดอกเทียนวางไว้ด้านหน้าพระพุทธรูป  กราบพระ 3 ครั้ง ตั้งนะโม 3 จบ  ไหว้พระและอธิฐานตามแต่ใจปรารถนากันเลยครับ  หลังจาดเสร็จจากการไหว้พระแล้ว ใช้เวลาที่พอมีนั้นเดินชมบรรยากาศภายในบริเวณวัด ชมปฏิมากรรมต่าง ๆ ที่ตั้งไว้ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันให้จุใจไปเลยครับ

สำหรับเพื่อนๆที่เดินทางมาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นต้องเสียค่าเข้าด้วยนะครับค่าเข้าชม ผ่านประตูคนละ 5,000 กีบ ก็ไม่แพงเท่าไหร่ครับ ประมาณ 20 บาทไทยเรานั่นเองครับและที่วัดศรีเมืองแห่งนี้นั้นจะเปิดให้เข้าชมได้ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. นั่นเองครับ

สุดท้ายต้องของฝากสถานที่ท่องเที่ยวที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เอาไว้ด้วยก็แล้วกันครับ มาเที่ยวเมืองลาวเมื่อไหร่ต้องของไปให้ได้คับ


8 ความคิดเห็น:

วังเวียง : สวรรค์ที่สูญหายไป



วังเวียง นี่เป็นอีกชื่อ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติต่างเดินทางมากันไม่ขาดสาย ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรครับเพื่อนๆ ที่ทำให้ฝรั่งพวกนี้เดินทางมากันมากมาย  แต่ที่คิดไว้แน่ๆเลยก็คือ  ต้องเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยน่าดูเลยว่ามั้ย และก็จริงอย่างที่คิดเอาไว้ครับ ชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่นี้ถึงขนาดให้คำจำกัดความเมืองวังเวียงนี้ว่า"Paradise Lost" หรือสวรรค์ที่สูญหายไป นั่นเองครับ 




เมื่อให้ความหมายกันซะขนาดนี้คงต้องไปสัมผัสกันบ้างก็คงไม่เสียหายอะไร กิจกรรมที่น่าสนใจของที่นี่นั้นจะนิยมมาล่องห่วงยางหรือที่เค้าเรียกกันว่า Tubing กันนั่นเองครับ ที่นี่ หลายคนบอกว่า เป็นเมืองชิลเอาท์ ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเมืองติดแม่น้ำที่ชื่อว่า แม่น้ำซอง เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวแบ็คแพคเกอร์นิยมมา บางที่ก็มาแวะพักการเดินทาง หลังจากเดินทางไปเที่ยวหลวงพระบางแล้วนั่นเอง เพราะอยู่ระหว่างทาง ประมาณกึ่งกลางระหว่าง หลวงพระบางและเวียงจันทน์พอดีครับ

เนื่องจากเมืองวังเวียงแห่งนี้มีแม่น้ำซองไหลผ่านตัวเมือง มีหินปูนรายรอบ และมีถ้ำอยู่มากมายในภูเขาแห่งนี้ ทำให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวกึ่งผจญภัยและเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในเมืองวังเวียงขึ้น กิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็คือ การล่องเรือแม่น้ำซอง ซึ่งมีทั้งเรือยนต์และเรือแพ พายเรือแคนูและเรือคายักในแม่น้ำซอง กิจกรรมไต่หน้าผาสุดเสียวสำหรับนักไต่ และการเดินทางสำรวจถ้ำ


 ล่องห่วงยาง (กงเบ่ง หรือ Tubing) การผจญภัยในลำน้ำซอง การล่องกงเบ่งหรือห่วงยางให้ไหลล่องไปตามสายน้ำนั้นเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก นอกจากนี้ก็ยังมี สไลดเดอร์ โหนสลิงกระโดดน้ำที่น่าตื่นเต้นอีก ซึ่งฝรั่งจะชอบมากๆสำหรับกิจกรรมนี้ครับ


เที่ยวถ้ำจัง วังเวียง เยือน ผาตั้ง ที่วังเวียงแห่งนี้มีเขาอยู่หลายลูกครับ มีหน้าผาที่สวยงามให้ชื่นชมกัน อย่างเช่น ผาแดง ผาฮ้อม(ผาล้อม) ผาปลวก ผานางฮั่ว และผาตั้ง ที่อยู่นอกเมืองออกไปราว 20 กม. ผาตั้งนั้น มีสายน้ำซองไหลเลาะเลียบผ่าน มีบ้านผาตั้ง หมู่บ้านเล็กๆตั้งแอบอิงอยู่ ซึ่งผาแห่งนี้ตามตำนานเล่าต่อกันมาว่า พระสุธน  (มโนห์รา) ใช้ง้าวฟันภูเขาเกิดเป็นผาตั้งขึ้นมา ดังนั้นชาวบ้านจึงถือว่าเป็นผาศักดิ์สิทธิ์ ห้ามจับปลาบริเวณนั้น ทำให้ ผาตั้งกลายเป็นเขตอภัยทานตามความเชื่อนั่นเองครับ




ปั่นจักรยานชมเมืองวังเวียง ค่าเช่าจักรยานวันละ 80-100 บาท ซึ่งเป็นอีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยครับเมื่อมาถึงที่นี่ที่เล่ามาทั้งหมดนั้นเป็นกิจกรรมหลักเท่านั้นเองครับ  ที่วังเวียง ประเทศลาวแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมายที่รอให้เพื่อนๆนักเดินทางอย่างเราๆท่านๆ ได้ออกไปสัมผัสและค้นหากัน


ในเขตตัวเมืองนั้นมีวัดเก่าที่มีอายุราวๆ 400-500 ปีอยู่หลายแห่งด้วยกันครับ  ได้แก่ วัดสีเสียงทอง หรือ วัดธาตุ วัดคัง วัดหัวพัน วัดสีสุมาน และวัดพงเพ็ญ  แต่สถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวกันก็คือ การชมถ้ำ  การล่องลำน้ำ  และเยือนหมู่บ้านคนท้องถิ่นครับ  ถ้ำในวังเวียงเองนั้นก็มีมากมายจริงๆ ก็อย่างที่บอกครับ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองรีสอร์ทของลาว  เพราะมีแม่น้ำไหลเลาะตามภูเขาหินปูนรูปทรงแปลกตา  คล้ายเมืองกุ้ยหลินของเมืองจีน  มีถ้ำให้เที่ยวชมหลายแห่ง ที่ได้รับการพัฒนาบ้างแล้ว  มีไฟนำทางในถ้ำ  ไกด์ท้องถิ่นซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนพื้นบ้านจะประจำอยู่ตามหน้าถ้ำคอยเก็บค่าผ่านทางพร้อมค่านำชมคนละประมาณ 3,000 กีบครับ ขอแนะนำว่านักท่องเที่ยวควรนำไฟฉายไปเองด้วยก็น่าจะดีครับ ถ้ำที่เข้าชมได้ก็คือ 




ถ้ำจัง  เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุด  ทางเข้าอยู่ในวังเวียงรีสอร์ทนั่นเองครับถ้ำผาเผือก  ถ้ำนี้อยู่ไม่ไกลจากถ้ำจังเท่าไหร่นัก  ปากทางเข้าถ้ำอยู่บนหน้าผา  ต้องออกแรงปีนป่ายกันบ้าง  ทางไปถ้ำคือข้ามสะพานไม้ไผ่ข้างๆ โรงแรมน้ำซอง  แล้วเดินตัดทุ่งนาไปยังเชิงเขาก็ถึงครับ

ถ้ำพูคำ  ตั้งอยู่ที่บ้านนาทอง ทางเข้าถ้ำต้องเดินผ่านป่าขึ้นไปประมาณ 200 เมตร ภายในประดิษฐานพระนอนสำริดจากประเทศไทยเรานั่นเองถ้ำผาเจ้า  ตั้งอยู่หมู่บ้านขันหมากถ้ำช้าง   เป็นถ้ำเล็กๆ ภายในมีพระพุทธรูปและรอบพระพุทธบาท  ตั้งอยู่ที่บ้านนาดาว  และ ถ้ำหอย  มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าเป็นถ้ำลึกหลายกิโลเมตร


ได้เห็นภาพความสวยงามของเมืองวังเวียงแห่งนี้แล้วก็คงเถียงไม่ขึ้นครับกับคำจำกัดความที่ฝรั่งขนานนามให้ "Paradise Lost" สวรรค์ที่สูญหายไป แต่สำหรับผมแล้ว“กุ้ยหลินเมืองลาว” นี่ก็สุดๆแล้วครับ






ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก  tripdeedee.com และ thetripvangvieng.com ที่นำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเล่าสู่กันฟังครับ

0 ความคิดเห็น:

Hotels2thailand.com

Like us on Facebook