อุทยานบาเจียง หมู่บ้านโบราณ ลาวใต้



ก่อนอื่นต้องบอกกล่าวกันก่อนว่า จากบทความที่ผ่านมา  ถึงการเดินทางไปเยือนน้ำตกผาส้วม ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งที่เรายังไม่ได้พูดถึงกันครับ เพราะถ้าไม่พูดถึงก็ไม่ได้ครับ เหมือนมาเที่ยวแล้วเที่ยวไม่ครบครับ

หลังจากที่เพื่อนๆนักเที่ยวได้เดินทางไปเที่ยวน้ำตกผาส้วม หนึ่งในผลงานการออกแบบโดยฝีมือคนไทยแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆกันนั้นที่น่าสนใจไม่แพ้ความสวยงามของน้ำตกผาส้วมครับ  นั่นคือ อุทยานบาเจียง นั่นเอง

ภายในโครงการแห่งนี้ได้รวบรวมหมู่บ้านโบราณหลายชนเผ่าที่ยังมีเอกลักษณ์เหลืออยู่ พร้อมทั้งจัดทำพิพิธภัณฑ์ชนเผ่าเอาไว้ด้วยครับ บ้านพักของโครงการนั้นถูกตัดแปลง จากบ้านต้นแบบของชนเผ่า ไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยว 

พนักงานในโครงการแห่งนี้ประกอบไปด้วยชนเผ่า ประมาณ 8 ชนเผ่าครับ ร่วมใจกันบริการแขกที่มาเยือนน้ำตกผาส้วม ที่เป็นน้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่งของแขวงจำปาสักแห่งนี้ เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากที่สูง โดยตัวน้ำตกมีลักษณะโค้งเป็นรูปครึ่งวงกลม น้ำที่ไหลลงมาสาดกระเซ็นสวยงามมากเมื่อได้พบเห็น  

ภายในอุทยานบาเจียง จะเน้นความสะอาดของห้องน้ำ สถานที่ต่างๆ เป็นพิเศษครับ มีบ้านพัก 18 ห้องครับ บางหลังอยู่หน้าน้ำตก บางหลังอยู่บนต้นไม้ใหญ่ (หลังนี้เจ้าหญิงกะว่าจะไปนอน) บางหลังอยู่ริมลำธารสวยงาม ทุกหลังมีห้องน้ำ “สกายรูฟ” เปิดโล่งไม่มีหลังคา แต่มีสุขภัณฑ์มาตรฐานสากล ตามทางเดินระหว่างบ้านพักปูด้วยเขียงไม้ ทำให้จิตใจผ่อนคลาย แต่ละหลังไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีตู้เย็น ไม่มีอินเตอร์เน็ต มีแต่นกร้องและเสียงน้ำไหลครับ

บ้านชนเผ่านั้นจะปลุกสร้างตามลักษณะของเผ่าที่ไม่เหมือนกันทั้ง 8 เผ่า บ้านเรือนแบบเก่าที่ลาวนี้ เขาจะไม่ตอกเสาลงสู่พื้นดิน เสาบ้านทุกต้นจะวางอยู่บนพื้นเฉยๆ ครับ



ที่แรก บ้านเผ่าตะเรียง เรือนเผ่าตะเรียง เป็นเรือนเตี้ยๆ หลังคาเป็นรูปโค้งมน ชาวเผ่าจะมีการทอผ้าพื้นเมืองเป็นหลัก เพื่อนๆจะอุดหนุนไปเป็นของที่ระลึกก็ได้นะครับ

เรือนเผ่าอาลัก
เรือนของเผ่าอาลักนี้จะสูงขึ้นมาหน่อยมีบันไดขึ้นบ้านจั่วบนหลังคามีลักษณะคล้ายกาแล ต้นเสาหน้าบ้านมีการแกะสลัก มีการทอผ้าเช่นเดียวกันครับ

 เรือนเผ่ากะตู
คุณตาเผ่ากะตูได้ทำการสาธิตการเล่นดนตรีจากไม้และของเล่นจากไม้ครับ เผ่ากะตูนี้ ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้ ๗ คน ครับ แต่จะมีได้นั้นภรรยาหลวงจะต้องเป็นผู้สู่ขอให้ครับ



ต่อมาเป็น เผ่าละแวครับ  บ้านอยู่อาศัยของเผ่าละแวจะเป็นเรือนยกพื้นไม่สูงเท่าไหร่  จะมีการเจาะช่องไว้ตามฝาบ้านขนาดพอมือลอดเข้าไปได้ จะเจาะไว้ตรงบริเวณที่เป็นห้องของลูกสาวครับ ช่องนี้มีไว้ให้ชายหนุ่ม จกมือหาหญิงสาว เป็นประเพณี กลิ้งครกจกสาว....ฟังแล้ว ก็ทำไมต้องกลิ้งครกก็ไม่รู้ 


ไกด์ที่นี่บอกว่า ก็พื้นบ้านยกสูงแต่สูงไม่มาก แต่ถ้าคนยืนก็ต้องชะเง้อ เขาก็เลยเอาครกไม้ตำข้าว  กลิ้งมาตรงช่อง เพื่อนำมาต่อเป็นที่ยืนให้มือสามารถ จก เข้าไปในช่องได้ เขาจะมอบของฝากของขวัญอะไรให้กันได้... จับแต่มือหน้าก็ไม่เคยเห็นแล้วจะรู้ได้ยังไง ...ไกด์เขาก็บอกวิธีเลือกครับว่า...ถ้าคนมือหยาบหน่อยถือว่าใช้ได้ครับ  เพราะถือว่าผ่านการทำงานมาเยอะ  น่าจะเป็นคนขยัน  ส่วนมือนุ่มๆก็ตรงกันข้ามกันเลยครับ

ยังมีอีกนะครับสำหรับเผ่าละแว เรือนเสาเดี่ยวของเผ่าละแวนั่นเองครับ ความสูงก็ราวๆ ๓ ๔ คนต่อกัน เรือนนี้เขาบอกว่ามีไว้สำหรับเป็นหอเฝ้าระวัง หรือไว้สำหรับต้อนรับแขก และไว้ใช้สำหรับให้หนุ่มสาวเผ่าละแวทำความรู้จักมักคุ้นกัน ๒ ต่อ ๒ โดยต้องไม่ล่วงเกินกัน (เป็นไปได้เหรอ...?) เห็นว่าถ้าจะตกลงปลงใจกันจริงๆ จะต้องอยู่ด้วยกันบนเรือนนี้สามวันสามคืนกันก่อนจะมีการแต่งงานครับ

และยังมีหลายเผ่าอีกมากมายครับ  ที่รอให้เพื่อนๆนักเที่ยวได้เดินทางไปชมครับ  บรรยากาศที่นี่เขาดีมากครับ  ร่มรื่น  พร้อมกันนั้นเพื่อนๆเองก็สามารถที่จะถ่ายรูปกะพวกชนเผ่าได้ครับ  หรือจะอุดหนุนงานฝีมือก็ได้ครับ  สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ก็ขอฝากที่นี่เอาไว้ด้วยนะครับ รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ

   

1 ความคิดเห็น:

เที่ยวเชียงขวาง ดินแดนวิมาน เมืองแห่งความหนาว นิวซีลาว สาวงาม และทุ่งไหหิน



สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์และน่าประทับใจ  ที่เราอยากแนะนำกันในวันนี้ เป็นความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติบวกมนุษย์สร้างขึ้น เหมาะแก่การท่องเที่ยว และถ้าได้ถ่ายภาพก็คงจะดีไม่น้อยครับ

สถานที่ท่องเที่ยวที่ว่านี้ก็คือ ทุ่งไหหิน นั่นเองครับ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่ก็มักจะเก็บภาพสวยๆของทุ่งไหหินไว้เป็นที่ระลึกครับ  เป็นความมหัศจรรย์ของภาชนะที่มีรูปทรงคล้ายไหครับ ทำด้วยหินทรายมีขนาดใหญ่มากๆ กระจัดกระจายอยู่ ไหบางไหมีการพบโครงกระดูกมนุษย์ในไห หรือพบลูกปัดจากจีน เครื่องประดับของชนเผ่าไท และรูปสำริดของเวียดนาม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กลายเป็นไหปริศนามาถึงทุกวันนี้ครับ

ทุ่งไหหิน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองเชียงขวาง ชื่อเมืองเซียงขวง”(คนลาวเขียนเซียงขวางแต่เรียกว่าเซียงขวง ส่วนคนไทยนิยมเรียกว่าเชียงขวาง”) แห่งสปป.ลาว   ที่นี่หลายคนบอกว่ามีบรรยากาศสวยงาม หนาวเย็น สมดังฉายาดินแดนวิมานจริงๆครับ



ขณะที่หากว่ากันตามสภาพธรรมชาติแล้ว เซียงขวงได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความหนาว เพราะเมืองนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูง มีความสูงเฉลี่ยเกิน 1,000 เมตรขึ้นไป นอกจากจะหนาวสั่นสะท้านแล้ว เซียงขวงยังอุดมไปด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อน เทือกเขาหลายลูกดูแปลกตา และการที่เซียงขวงมีสภาพภูมิประเทศอุดมไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อนสวยงามปานวิมาน   มันก็ทำให้ใครๆ หลายคนตั้งฉายาใหม่ให้กับเมืองนี้ว่าเป็น นิวซีแลนด์แดนลาว หรือที่บางคนนั้นเรียกอย่างเก๋ไก๋ว่า นิวซีลาว”  นั่นเองครับ


และก็อีกนั่นแหละครับ ..ไม่เพียงได้รับฉายาที่ว่า เป็นดินแดนแห่งความหนาวเท่านั้นนะครับ เซียงขวงตามสภาพธรรมชาติแล้วยังได้รับการเรียกขานเป็น ดินแดนแห่งนกนางแอ่นอีกด้วย  เพราะที่นี่มีนกนางแอ่นอยู่เป็นจำนวนมาก  นอกจากนี้เซียงขวงก็ยังมีอีกหนึ่งฉายาครับ นั่นก็คือ ดินแดนแห่งสาวงาม (แหม..ที่นี่เขามีฉายาเยอะจริงครับ)


เล่ากันต่อถึงที่นี่ครับ....

แขวงเซียงขวง  ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ สปป.ลาว ครับ ปัจจุบันมีเมืองโพนสะหวันหรือที่เดิมเรียกว่าเมืองแปก ที่แปลว่าต้นสน (มีมากในเซียงขวงครับเพราะมีอากาศหนาวเย็น) เป็นเมืองเอก เทียบได้กับอำเภอเมืองของบ้านเราครับ เมืองนี้มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไท(ลาว)พวนที่อพยพมาจากทางตอนใต้ของจีนเมื่อราว 2 พันปีที่แล้วครับ


สำหรับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเซียงขวงที่คนไทยนิยมไปเที่ยวย่อมหนีไม่พ้นทุ่งไหหิน ครับ ที่ถือเป็นหนึ่งในมหัศจรรย์เมืองลาว ที่ว่ากันว่าใครที่มาเที่ยวเซียงขวงแล้วถ้าไม่ได้ไปทุ่งไหหินก็เหมือนกับว่ายังมาไม่ถึง
 
ทุ่งไหหิน เป็นเนินเขากว้างไกล อุดมไปด้วยหินรูปทรงคล้ายไห คล้ายโอ่ง คล้ายครก ตั้งเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมากอย่างที่เล่าไปเมื่อตอนต้น  ไหหินเหล่านี้มีขนาดความสูงตั้งแต่เอวไปจนสูงท่วมหัวครับ


แต่ละใบกว้าง 1-2 เมตร ตั้งระเกะระกะเป็นหย่อมๆ ครับ ซึ่งตามตำนานพื้นบ้านลาวเล่าขานกันมาว่า ไหหินเหล่านี้คือไหเหล้าของขุนเจืองวีรบุรุษชาวลาวนั่นเองครับ ยอดกษัตริย์แห่งล้านช้างเลยทีเดียว เมื่อเกือบๆพันปีที่แล้ว (มีไหหนึ่งใบที่เชื่อว่าเป็นไหเหล้าของขุนเจืองครับ) กับไหเหล้าของเหล่าทหารหาญที่ทำขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะหลังทำศึกกับพวกญวน (เวียดนาม) นั่นเอง



ก็ด้วยความที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณคดี เราลองมาฟังอีกฟากหนึ่งของนักวิชาการเหล่นนี้กันดูบ้างครับ

นักวิชาการเขาสันนิษฐานว่า น่าจะทำขึ้นเมื่อราวๆ 1,800  ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นสุสานหรือฮวงซุ้ย เนื่องจากมีการขุดพบเศษกระดูก เครื่องปั้นดินเผา ลูกปัด และข้าวของเครื่องใช้โบราณ บรรจุอยู่ในไหครับ

       แต่กระนั้นสิ่งที่ยังเป็นปริศนาก็คือ คนโบราณที่นี่นำไหหินมาจากไหน? ขนหินขึ้นไปบนนั้นได้อย่างไร?



ทุ่งไหหินแห่งนี้ ไม่ได้มีแค่ทุ่งเดียวเท่านั้นนะครับ หากแต่มีมากถึงกว่า 30 ทุ่ง กันเลยทีเดียว แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เก็บกู้ลูกระเบิดครับ ทางการลาวจึงเปิดเฉพาะทุ่งไฮไลท์ที่เก็บกู้ลูกระเบิดแล้วให้เที่ยวชมกัน 3 ทุ่งเท่านั้นครับ

ทุ่งแรก เป็นทุ่งที่มีไหมากที่สุดครับและยอดฮิตที่สุดด้วย นักท่องเที่ยวไทยหลายคนนิยมไปเที่ยวทุ่งนี้ครับแค่ทุ่งเดียวก็ถือว่าคุ้มค่าพอแล้วครับ   ทุ่งไหหินทุ่งแรกนี้ มีไหหินตั้งเรียงรายยู่มากกว่า 300 ใบครับ แบ่งเป็นจุดชมไห 2

จุดหลักๆ จุดแรกที่ไหอยู่ประมาณ 100 ใบ มีไหลูกไฮไลท์ ลักษณะคล้ายโอ่ง ตกแต่งปากขอบอย่างน่าชม ไหลูกนี้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นไหเหล้าของขุนเจืองตามที่กล่าวมาตามตำนานครับ  

ส่วนจุดที่สองต้องเดินจากจุดแรกลงไปข้างล่าง มีไหหินตั้งเรียงรายเต็มท้องทุ่งหญ้าอยู่ประมาณ 200 ใบ ยามเมื่อมองจากบริเวณจุดแรกลงไปยังจุดสอง ถือว่าสวยงามไม่น้อยเลยครับ



ส่วนทุ่งไหหินทุ่งที่สองนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาสูงท่ามกลางทิวทัศน์ขุนเขาที่รายล้อม มีไหอยู่ 90 กว่าใบครับ มีจุดชม 2 จุดหลัก เช่นเดียวกับทุ่งที่หนึ่ง จุดแรกตั้งอยู่ในดงไม้ โดดเด่นไปด้วยไหทรงกระบอกทั้งใบสูง ใบเตี้ย ส่วนจุดที่ 2 ตัวไหแม้ไม่โดดเด่นแต่ถือเป็นทุ่งไหหินที่วิวสวยงามมากๆ ครับ เพราะตั้งอยู่บนเนินเขาสูงท่ามกลางทิวทัศน์ขุนเขาที่รายล้อม ยามเมื่อได้ขึ้นมาชมวิวทิวทัศน์ที่นี่ชวนให้นึกถึงฉายานิวซีลาวได้เป็นอย่างดีครับ จุดนี้เป็นอีกจุดที่นี่เก็บภาพครับ

ขณะที่ทุ่งไหหินทุ่งที่สามนั้น ตั้งอยู่กลางทุ่งนาของชาวบ้านครับ ล้อมรั้วไม้อย่างดีเลย มีไหตั้งอยู่เกือบ 200 ใบครับ มีหลากหลาย ทั้งไหกลม ไหเหลี่ยม ถึงแม้ที่นี่จะเป็นทุ่งนา แต่ว่าวิวทิวทัศน์ก็งดงามไปอีกแบบครับ
 
       และนี่ก็เป็นเสน่ห์ของทุ่งไหหิน ของเมืองเซียงขวงครับ การที่จะเข้าไปดูไห ก็ต้องเสียค่าเข้าชมกันหน่อยครับ  คนละ 10,000 กีบ  ที่นี่เขาเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 06.00 - 17.30 น. ครับ

ลองมาสัมผัสบรรยากาศแบบ นิวซีลาว กันดูครับ 


<<< ข้อมูลการเดินทาง >>>

1 ความคิดเห็น:

ล่องแม่น้ำโขง ชมเกาะสีพันดอน (มหานที สี่พันดอน)



สถานที่แนะนำในเมืองลาวแห่งนี้  เราขอนำเพื่อนๆนักเที่ยวไปล่องแม่นำโขงกันครับ เป็นการท่องเที่ยวอีกบรรยากาศหนึ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้ที่อื่นๆครับ

จุดหมาปลายทางของเราก็เรื่อยๆเปื่อยๆครับกับการเดินทางแบบล่องเรื่อ เอาเป็นว่าไม่รีบร้อนครับ
ล่องแม่น้ำโขง ชมเกาะสีพันดอนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวลาวริมสองฝั่งโขง

พูดถึงสีพันดอนแล้ว สำหรับเพื่อนๆบางคนก็ยังไม่ทราบ ถึงคำว่า สีพันดอน นี้มากเท่าไหร่ อีกความหมายที่พูดกันก็คือ สี่พันดอน คือ สี่พันเกาะที่เป็นดอน ผุดโผล่ขึ้นมากลางมาน้ำโขงครับ ประมาณสี่พันเกาะนั่นเอง สี่พันดอน ความหมายนี้เราฟังมาจากการลำล่องของเซียงสะหวัน คนนี้เพลงเขากำลังฮิตติดใจแฟนเพลงทางฝั่งลาวและบ้านเราในเพลง ปลาค้อใหญ่ .....(สำหรับเพื่อนๆที่ฟังเพลงลูกทุ่ง-หมอลำ น่าจะคุ้นหูกันดี)



การเดินทางท่องเที่ยว จะเป็นแบบล่องเรือ ล่องแม่น้ำโขง เพื่อไปชมสีพันดอนนั่นเองครับ 

แม่น้ำโขงหรือแม่น้ำของ ในภาษาเรียกของพี่น้องชาวลาว เป็นแม่น้ำที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ไหลหล่อเลี้ยงผู้คนและสร้างธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์ครับ พร้อมทั้งก่อเกิดอารยะธรรม ความเป็นอยู่ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่ยังสืบทอดกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า..จนถึงปัจจุบัน

เมื่อเรือแล่นออกไป  ประมาณสักระยะหนึ่งเราจะเห็นเกาะเล็กเกาะใหญ่เป็นจำนวนมากครับ บางดอนบางเกาะชาวบ้านปลูกผักด้วย บางดอนก็ทำเป็นที่ดักปลาครับ มีชาวบ้านออกมาทอดแห ตกปลา


ที่แน่ๆเลยชาวบ้านที่นี่มีอาชีพหาปลาเป็นอาชีพหลักซึ่งทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษครับ เครื่องมือในการจับปลาก็ยังคงใช้แบบดั้งเดิมอยู่ มีเพียงเรือหางยาวและเครื่องมือจับปลาอย่าง แห เบ็ด อวนเท่านั้น จึงยังคงมีปลาต่างๆ อุดมสมบูรณ์อยู่มาก

แม่น้ำโขงบางส่วนมีช่วงที่กว้างมากครับ กลางแม่น้ำเต็มไปด้วยเกาะและแก่งหินขนาดต่างๆ มากถึง 4000 เกาะ คำว่าเกาะคนลาวจะเรียกว่า ดอน จึงเป็นที่มาของชื่อ สี่พันดอน หรือ ศรีพันดอน นั่นเองครับ

สี่พันดอน จะอยู่ตอนใต้สุดของลาวครับ ก่อนที่แม่น้ำโขงจะไหลเข้าสู่เขตประเทศกัมพูชา

ก่อนเรือจะเทียบฝังเราจะเห็นภาพบรรยากาศที่เด็กๆ บ้านดอนคอนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานครับ   พ่อแม่ก็ขายของที่ระลึก บางคนก็ขับรถ 5 แถวรับส่งนักท่องเที่ยวไปชมน้ำตกหลี่ผีครับ

ไหนก็มาล่องแม่น้ำโขงกันแล้ว ขอพูดถึง ดอนคอน ดอนเด็ดกันสักหน่อยครับ เพราะดอนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ สี่พันดอนครับ

ดอนเด็ด  ดอนคอน เป็นเกาะเล็กๆ หนึ่งในมหานที สี่พันดอน อยู่ทางตอนเหนือของดอนคอน มีเรือหางยาว ลำเล็กให้บริการขึ้นลงตามล่องน้ำแคบๆ ระหว่างดอนเด็ดและดอนคอนครับ  ทั้งสองเกาะนี้มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ด้วยครับ เมื่อฝรั่งเศสยึดครองอินโดจีนจำเป็นต้องส่งสินค้าต่างๆ  ขึ้นไปทางตอนกลางของประเทศ  แต่ก็ต้องติดขัดกับกับเกาะแก่งขนาดใหญ่ ทำให้เรือสินค้าไม่สามารถแล่นผ่านได้  จึงได้สร้างท่าเรือและทางรถไฟบนดอนคอน  ไว้สำหรับเป็นท่าเรือเพื่อขนถ่ายสิ้นค้าลงเรือใหม่
หัวรถจักรไอน้ำและรางรถไฟ ณ ปัจจุบัน ยังมีซากให้เห็นอยู่ครับ 




ก่อนถึงน้ำตกหลี่ผี  ส่วนบรรยากาศรอบๆเกาะ เงียบสงบครับ วิถีชีวิตของชาวริมฝั่งโขงเป็นแบบเรียบง่าย ตลอดถึงความร่มรื่นของต้นมะพร้าว หลายต้น บริเวณรอบๆเกาะ ทำให้เกาะแห่งนี้เป็นเกาะที่น่าอยู่ และได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ ยุโรป  เอเชีย  ที่มาพักและท่องเที่ยว  ถือได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนเรียบง่าย ครับ


สำหรับคนรักสงบ เราขอแนะนำที่นี่ครับ ไปล่องแม่น้ำโขง ชมเกาะสีพันดอน



0 ความคิดเห็น:

แนะนำร้านอาหารอร่อย ในหลวงพระบาง ตอน 1


สำหรับเพื่อนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองหลวงพระบางประเทศลาวแล้ว  จับจุดยังไม่ได้ว่าจะรับประทานอาหารร้านไหนดี เพื่อให้การท่องเที่ยวของเพื่อนราบรื่นและไม่ต้องลองหาร้านอร่อยแล้วอร่อยเล่า ซึ่งทำให้สิ้นเปลือง แถมยังเสียเวลาอีกต่างหาก  วันนี้เราจึงขอแนะนำร้านอาหารอร่อยๆ ราคาเหมาะสม และยังได้รับการรันตีจากนักท่องเที่ยวหลายคนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองหลวงพระบางแห่งนี้ครับ


ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า  ร้านอาหารในหลวงพระบางนั้นมีมากมายครับ เดินไปทางไหนก็เห็นมีแต่ร้านอาหาร ก็ด้วยความที่ว่าเมืองหลวงพระบางนั้นเป็นเมืองท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากมายเดินทางมาเที่ยวที่นี่ แถมยังเป็นเมืองเล็กๆ ที่เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วถึงด้วยครับ

ร้านแรกที่เราขอแนะนำ  นั่นก็คือ  ร้านอาหาร ปากห้วยมีชัย  ครับ



ร้านนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองครับ ห่างจากพระราชวังหลวงพระบางประมาณ 100 เมตร ร้านนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องของอาหารแบบดั้งเดิมของหลวงพระบางครับ ที่นี่มีทั้ง อาหารไทยและอาหารยุโรปให้ชิมด้วยครับ หรือจะเรียกว่าเป็นร้านอาหารพื้นเมืองก็ว่าได้ มีการตกแต่งสวยงาม อาหารรสชาติดีครับ 

โทรศัพท์ (85671) 212 260  เปิดเวลา 10.00-22.00 น. ครับ


ร้านอาหารอีกหนึ่งร้านครับที่เป็นร้านอาหารพื้นเมือง


ร้าน มีไชผล 

ร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนพูว่าวครับ ติดโรงแรมชนะแก้ว เป็นอีกร้านหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปชิมอาหารหลวงพระบางแบบดั้งเดิมเหมือนกันครับ และรสชาติของอาหารไทยที่นี่รสชาติกลมกล่อมมาช้านานแล้วครับ แวะมาร้านอาหารพื้นเมือง อาหารรสชาติดี รับแขกได้ประมาณ 200 คน ที่มีไชผล ครับ

โทรศัพท์ (85671) 212 888 เปิดเวลา 10.00-22.00 น. 



ร้าน ตำหนักลาว

ร้านนี้ จะโดดเด่นด้วยการนำอาคาร สไตล์โคโรเนียลมาเป็นร้านอาหารบรรยากาศหรูแล้ว แค่เพียงชื่อก็สามารถบอกได้อย่างดีว่า ร้านนี้อาหารลาวอร่อยอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอาหารไทยรสจัดอีกด้วยครับร้านตำหนักลาวตั้งอยู่ริมถนนสักกะรินครับ อยู่ระหว่างทางที่จะไปจากวังหลวงพระบางจะไปวัดเชียงทองครับ ด้านหน้าของร้านนี้ออกแบบตึกเป็นทรงโคโลเนียลครับ  

ส่วนใหญ่มีแต่ฝรั่งครับ เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารพื้นเมืองของหลวงพระบางครับ

โทรศัพท์ (85671) 252 525 เปิดเวลา 08.00-23.00 น.


ร้านเฝอ นางจันทนอม



ร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนนพูว่าวครับ ตรงข้ามธนาคารการต่างประเทศลาว หากจะหาร้านเฝอที่อร่อย ข้าวซอย ข้าวเปียก รสเด็ดรสชาติอร่อยสไตล์หลวงพระบางแล้ว ต้องมาชิมที่ร้านนี้ครับ เพราะเป็นร้านประจำที่แม้แต่คนหลวงพระบางเองก็ยังชื่นชอบ และอยากแนะนำครับ   

คนที่นี่เขาบอกว่าถ้ามาร้านนี้อย่ามาสายครับ เพราะจะหมดเร็วมาก 

ที่นี่เปิดเวลา 07.00-14.00 น. ครับ



The Pizza Luangprabang



ร้านพิชช่าหลวงพระบาง ตั้งอยู่บนถนนท่องเที่ยวสายหลัก ร้านแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นร้านอาหารเจ้าแรกๆ ครับ ที่ได้นำ Pizza มาขายในเมืองหลวงพระบาง เปิดบริการมากว่า 10 ปีแล้วครับ มั่นใจได้เลยว่ารสชาติไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอนครับ นอกจากเมนูเด่นจะเป็น Pizza หน้าต่างๆ แล้ว The Pizza Luangprabang ก็ยังมีเมนูอาหารนานาชนิดทั้งอาหารลาว, อาหารไทยและอาหารยุโรป เตรียมไว้บริการแก่ลูกค้าอีกด้วยครับ จากฝีมือการปรุงรสอย่างพิถีพิถันจากแม่ครัวที่มีประสบการณ์สูง

นอกจากนั้น The Pizza Luangprabang ได้เตรียมเมนูเครื่องดื่มหลากหลายประเภทมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เหล้า, เบียร์, ไวน์, ค๊อกเทล, เบียร์สด รวมถึงเครื่องดื่มประเภทที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทุกชนิด ไว้รอรับลูกค้าที่เดินทางมาที่นี่ด้วยครับ 

ติดต่อเพื่อสำรองโต๊ะล่วงหน้า โทร/แฟกซ์ : 856-71-253858, 856-71-212478    
ที่นี่เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 น. -  22.30 น. ครับ


ร้าน L’Elephan

ร้านนี้ตั้งอยู่หลังโรงเรียนปฐมศึกษา เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสครับ  เปิดมานานหลายปีแล้ว เป็นขวัญใจของคนพื้นที่และแขกผู้มา เยือนครับ จัดเป็นร้านอาหารฝรั่งเศสกึ่ง Fine Dining ที่มีบรรยากาศอบอุ่น หากมีโอกาส ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดครับ   ร้านนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงเพราะมาตรฐานและความอร่อยครับ จึงทำให้แตกเครือญาติเป็นร้านต่างๆที่ใครๆต่างชื่นชอบ  เช่น ร้าน L’Elephant Vert ร้านขายอาหารเอาใจคนรักสุขภาพ เป็นอาหารแบบ Vegan สดใหม่ด้วยผักที่ปลูกเองสมุนไพรที่คัดสรรด้วยตัวเจ้าของร้านเอง   จริงๆ สองร้านนี้อยู่ติดกันครับ หากเดินออกมาจากซอยหลังโรงเรียน เป็นอีกหนึ่งร้านสำหรับท่านที่ชอบ อาหารฝรั่งเศษครับ


ร้าน  Blue Lagoon

หากพูดถึงร้าน L’Elephant แล้วก็ต้องพูดถึง Blue Lagoon ร้านนี้ครับ อยู่ด้านข้างพิพิธภัณฑ์แห่งชาติครับ อาหารที่นี่พยายามดัดแปลงเอาเครื่องปรุงท้องถิ่นของที่นี่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ครับ แล้วเขาก็ทำได้ดีเสียด้วย   และเมนูชวนฝันของร้านนี้ที่ใครๆก็ต้องแวะไปลองนั่นคือ Pork Shoulder Red Wine Sauce ไหล่หมูหรือที่คนไทยเรียกกันว่าคอหมูนั่นแหละครับ อร่อยนุ่มอย่าบอกใคร  



ร้าน Roots & Leaves 
  
ร้าน Roots & Leaves   แห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนนเสดถาทิราด  ใกล้วัดวิชุนราช (หรือพระธาตุหมากโม) ครับ  เป็นร้านอาหารพื้นเมืองหลวงพระบาง ที่ตกแต่งสวยงามครับ อาหารรสชาติดี  จุดเด่นที่น่ามาที่นี่ก็เห็นจะเป็น การสร้างบรรยากาศแบบหลวงพระบางดั่งเดิม ด้วยเครื่องดนตรีพื้นเมืองและการรำลาวนี่แหละครับ ทานอาหารอร่อยแถมมีนางรำสวยๆมารำให้ชมอีก ถือว่าคุ้มสุดๆครับ



อย่างที่บอกไปตอนต้นครับว่า  ร้านอาหารที่หลวงพระบางนั้นมีมากมายซะเหลือเกินครับ ด้วยความที่เป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองมรดกโลก  ยังมีร้านอาหารที่อร่อยๆอีกมากมายที่รอให้เพื่อนๆได้ไปลิ้มรสกันครับ





0 ความคิดเห็น:

สุดยอดร้านอาหารอร่อยในเวียงจันทน์


มาเที่ยวลาวทั้งที เรื่องของอาหารการกิน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะครับ ร้านอาหารที่ลาวนั้นก็มีมากมายครับ ใช่ครับ..เพื่อนๆ สามารถเลือกร้านอาหารได้ตามใจชอบครับ แต่การที่เราเดินทางมาเที่ยวต่างเมืองที่ไม่ค่อยจะคุ้นเท่าไหร่นั้น ก็ถือว่ายากพอสมควรครับที่จะหาร้านดีๆ เพื่อให้การเดินทางครบรสชาติ คือ เที่ยวที่ดีๆ อาหารที่ดีๆ ที่พักที่ดีๆ 

เราจึงขอแนะนำเรื่องของอาหารการกิน ที่ต้องหาร้านที่โอเคหน่อย และเรื่องของชื่อเสียงนั้นต้องการันตี ราคาก็ต้องเหมาะสมครับ การท่องเที่ยวถึงจะครบรส  สำหรับนักกินแล้วยิ่งไม่ควรพลาดครับ เพราะเราเลือกร้านอาหาร ที่ขึ้นชื่อ ราคาพอสมควร และน่าจะถูกปากคนไทย กัน  ไปดูกันครับ

ร้านอาหารใน  เวียงจันทน์
ร้านขอบใจเด้อ


เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ครับ ตกแต่งด้วยอาคารทรง colonial แต่เดิมนั้นมีไม้เลื้อยเกาะดูเท่ๆขลังๆ มีอาหารให้เลือกทั้งแบบ ฝรั่ง (เบอร์เกอร์ สเต็ก สปาเกตตี้) อาหาร ลาว (ชุดน้ำพริก หมูย่าง เนื้อย่าง แหนม ปอเปิ๊ยะ) ไทย (ผัดไท ผัดซีอิ๊ว) จีน (ผัดหมี่ซั่ว) ให้เลือกรับประทานได้ตามใจชอบเลยครับ แนะนำ ยำแหนมกุ้งทอด-แหนมหมูในชื่อ Fusion Lao Snack อร่อยดีครับ โดยเฉลี่ยอาหารจานละ 80 -160 บาท และเป็นแนวสปาเก็ตตี้ และสเต็กจะเริ่มต้นที่จานละ 180-220 บาท



ร้านเฝอแซ่บ  

ร้านที่มีสาขาในเวียงจันทน์ถึง 3 สาขา ขายดีมากๆ (คนลาวเรียก ก๋วยเตี๋ยวรวมๆว่า เฝอ) มี เฝอหมู เฝอเนื้อ ถ้วย (อย่าเรียก ชามล่ะ ภาษาลาว จะหมายถึง กาละมัง) ถ้วยน้อย ถ้วยโต และถ้วยจัมโบ้ แต่ว่า แค่ถ้วยน้อยก็ใหญ่เท่ากับบะหมี่บ้านเราที่กินกัน ประมาณเกือบเท่าครึ่งอยู่แล้วครับ แนะนำให้คุณผู้ชายกินถ้วยโตจะพอดีสองเท่ากำลังอิ่ม ร้านจะมีผักสารพัดมาให้คนละถาดและเครื่องจิ้มรสชาติเหมือนน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ หมูและเนื้อย่างในเฝอ ย่างมาหอมนุ่มดีครับ ราคา 80-160 บาท ต่อถ้วย


ร้านนางคำบาง 

   
ร้านนี้เป็นร้านอาหารพื้นเมืองลาวแท้ๆเลย ถ้าชอบอาหารพื้นเมือง ปิ้ง ย่าง เน้น เนื้อและกบ ก็คงจะเพลิดเพลินล่ะ สำหรับคนที่ชอบรสชาติกลางๆ (และไม่กินกบ) ก็แนะนำ ข้าวคั่ว (ข้าวผัด) ผัดขนมจีน (ผัดก๋วยเตี๋ยวใส่เห็ดหูหนู ผัก แล้วโรยด้วยข้าวตังกรอบ) ไส้อั่ว(หรือไส้กรอก) โดยที่ไส้กรอกรสชาติกลางๆระหว่างไส้อั่วภาคเหนือของไทยกับไส้กรอกอีสานภาคอีสานเรา จึงออกมาแบบมันๆหอมและไม่รสจัดมาก ร้านนี้ มีตรา แม่ช้อยนางรำด้วยล่ะ

ร้าน Mix น้ำพุ 


ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณ ศูนย์กลางของเมือง มี สวนน้ำพุที่สวยงาม เป็นแหล่งรวมร้านอาหารตอนกลางคืน มีดนตรีสดที่ร้องเพลง ไทย จีน ฝรั่ง (เพลงสมัยใหม่) มีทีวีจอยักษ์ฉายบอล ซึ่งที่สวนนี้มีร้านอาหารหลากหลาย ทั้ง ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี แนะนำ Mix ซึ่งราคาเหมาะสมดีแนะนำ บาร์บีคิวไก่ ต้มยำไก่ลาด(ไก่บ้าน) หรือ ต้มยำทะเล รสชาติเข้มข้นอีกแบบ (เหมือนต้มยำ+เครื่องแกง) ผมสั่งแบบไม่ใส่ปลาแดกนะครับ มียำต่างๆ ที่คนไทยกินได้ (ระวังความเผ็ดด้วย) ราคาต่อคนเฉลี่ย 120-180 บาท



ร้าน Scandinavian Bakery  


ตั้งอยู่ถัดจากสวนน้ำพุไปด้านหลัง (จากป้ายสวนน้ำพุ ทะลุไปด้านหลังทางมุมซ้าย) เป็นร้านขายกาแฟ เค้ก ที่โด่งดัง และยังขาย อาหารแนว American Breakfast เบอร์เกอร์ แซนด์วิช พายผักขม อีกด้วย เค้กแต่ละชิ้นราคา 60 – 120 บาท เบอร์เกอร์และแซนด์วิชราคา 140 บาท (โดยประมาณ)


ร้าน Joma Coffee & Bakery  

อยู่เยื้องด้านหน้าของ สวนน้ำพุ เป็นร้านชื่อดัง มีสาขาทั้งใน หลวงพระบางและเวียงจันทน์ เครื่องดื่มกาแฟ ช็อคโกแล็ต และมิลก์เชค รสเข้มข้นมาก ชีสเค้กรสนุ่มลิ้น ครีมพายก็เต็มไปด้วยครีมนม อร่อยแทบทุกอย่าง เครื่องดื่ม และเค้ก ราคาเริ่มต้นที่ 80 บาท


 .............................................................................................................................


เวลาเพื่อนๆสั่งอาหารเพื่อนๆสามารถใช้ภาษาไทยทับศัพท์ได้เลยครับ 

ถ้าบอก จดออเดอร์” “สั่งอาหารเขาเข้าใจครับ

น้ำเปล่า คือ น้ำดื่มน้ำแข็ง คือ น้ำก้อนนะครับ

เวลาเรียกเก็บเงิน พูดว่า ไล่เงิน

ห้องน้ำใช้คำเดียวกับภาษาไทยครับ
 

ต้องทิปมั้ย ตามร้านอาหารจะทิปก็ได้ครับ หรือไม่ทิปก็ได้ แต่เทียบกับเงินเขาแล้ว เงินทิปประมาณ 5,000 กีป (20 บาท) ก็โอเคแล้วครับ

0 ความคิดเห็น:

Hotels2thailand.com

Like us on Facebook